วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

ประวัติความเป็นมาของอินเทอร์เน็ต


ประวัติความเป็นมาของอินเทอร์เน็ตในยุคแห่งสังคมข่าวสารเช่นปัจจุบัน การสื่อสารผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ยิ่งทวีความสำคัญมาก ขึ้นเป็นลำดับเครือข่าคอมพิวตอร์ให้แลกเปลี่ยนข่าวสารระหว่างกันได้โดยง่าย ในปัจจุบันมี เครือข่ายคอมพิวเตอร์เชื่อมโยงไปทั่วโลก ผู้ใช้ในซีกโลกหนึ่งสามารถติดต่อกับผู้ใช้ในซีกโลกหนึ่ง ได้อย่างรวดเร็วเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่รู้จักกันในชื่อของ"อินเทอร์เน็ต"(Internet) จัดว่าเป็น เครือข่ายที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในยุคของสังคมข่าวสารปัจจุบัน อินเทอร์เน็ตมีขอบข่ายครอบ คลุมพื้นที่แทบทุกมุมโลกสมาชิกในอินเทอร์เน็ตสามารถใช้คอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ที่จุดใด ๆ เพื่อส่งข่าวสารและข้อมูลระหว่างกันได้บริการข้อมูลในอินเทอร์เน็ตมีหลากรูปแบบและมีผู้นิยมใช้ ้เพิ่มมากขึ้นทุกวัน จากการคาดการณ์โดยประมาณแล้วปัจจุบันมีเครือข่ายทั่วโลกที่เชื่อมเข้าเป็น อินเทอร์เน็ตราว 45,000 เครือข่าย จำนวนคอมพิวเตอร์ในทุกเครือข่ายรวมกันคาดว่ามีประมาณ 4 ล้านเครื่อง หรือหากประมาณจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกคาดว่ามีประมาณ 25 ล้านคน และ มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น เราจึงกล่าวได้ว่า อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายมหึมาที่ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวาง ที่สุด มีการขยายตัวสูงที่สุด และมีสมาชิกมากที่สุดเมื่อเทียบกับเครือข่ายอื่นที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน พัฒนาการของอินเทอร์เน็ต อินเทอร์เน็ตมิได้เป็นเครือข่ายที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะเจาะจงหากแต่มี ประวัติความเป็นมาและมีการ พัฒนามาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่การเกิดของเครือข่ายอาร์พาเน็ต ในปี พ.ศ.2512ก่อนที่จะก่อตัวเป็น อินเทอร์เน็ตจนกระทั่งถึงทุกวันนี้อินเทอร์เน็ตมีพัฒนาการมา จากอาร์พาเน็ต ( ARPAnet ) ซึ่งเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ภายใต้ การรับผิดชอบของ อาร์พา ( Advanced Research Projects Agency ) ในสังกัดกระทรวงกลาโห ของสหรัฐอเมริกาอาร์พาเน็ต ในขั้นต้นเป็นเพียงเครือข่ายทดลองที่ตั้งขึ้นเพื่อเป็นการสนับสนุนงานวิจัยด้านการทหารและ โดยเนื้อแท้แล้วอาร์พาเน็ตเป็นผลพวงมาจากการเมืองโลกในยุคสงครามเย็นระหว่างค่าย คอมมิวนิสต์และค่ายเสรีประชาธิปไตย ยุคสงครามเย็น ในทศวรรษของปีพ.ศ.2510 นับเป็นเวลาแห่งความตึงเครียดเนื่องจากภาวะ สงครามเย็นระหว่างประเทศในค่ายคอมมิวนิสต์และค่ายเสรีประชาธิปไตย สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นประเทศผู้นำ กลุ่มเสรีประชาธิปไตยได้ก่อตั้งห้องปฏิบัติการทดลองเพื่อค้นคว้าและพัฒนาเทคโนโลยีอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีด้านระบบคอมพิวเตอร์ช่วงท้ายของทศวรรษ 2510 ห้องปฏิบัติการวิจัย ในสหรัฐ ฯ และในมหาวิทยาลัยใหญ่ ๆล้วนแล้วแต่มีคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยในยุคนั้นติดตั้งอยู่

คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะแยกกันทำงานโดยอิสระมีเพียงบางระบบที่ตั้งอยู่ใกล้กันเท่านั้นที่สื่อสารกันทางอิเล็กทรอนิกส์แต่ก็ด้วยความเร็วต่ำ ห้องปฏิบัติการหลายแห่งได้พัฒนาระบบสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ให้มีประสิทธิภาพ ยิ่งขึ้น หากแต่ยังไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบได้กับเทคโนโลยีการสื่อสารที่มีใช้อยู่ในปัจจุบัน ปัญหาและ อุปสรรคสำคัญ คือคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่เชื่อมเข้าด้วยกันเป็นเครือข่ายจะต้องอยู่ในสภาพทำงานทุกเครื่องหากเครื่องใดเครื่องหนึ่งหยุดทำงานลง การสื่อสารจะไม่สามารถดำเนินต่อไปได้จนกว่าจะตัดเครื่องออกไปจาก เครือข่ายข้อจำกัดนี้ทำให้ระบบเครือข่ายไม่อยู่ในสภาพที่เชื่อถือได้และลำบากต่อการควบคุมดูแล โครงการอาร์พาเน็ต อาร์พาเป็นหน่วยงานย่อยของกระทรวงกลาโหมของสหรัฐ ฯ ทำหน้าที่สนับสนุนงานวิจัยพื้นฐานทั้งด้านเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ อาร์พาไม่ได้ทำหน้าที่วิจัยโดยตรงอีกทั้งยังไม่มีห้องทดลอง เป็นของตนเอง หากแต่กำหนดหัวข้องานวิจัยและให้ทุนแก่หน่วยงานอื่น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นมหาวิทยาลัย และบริษัทเอกชนที่ทำงานวิจัยและพัฒนา อาร์พาได้จัดสรรทุนวิจัยเพื่อทดลองสร้างเครือข่ายให้คอมพิวเตอร์สามารถแลก เปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้ในชื่อโครงการ"อาร์พาเน็ต" ( ARPAnet ) โดยเริ่มต้นงานวิจัยในเดือนมกราคม พ.ศ. 2512 รูปแบบเครือข่ายอาร์พาเน็ตไม่ได้ต่อเชื่อมโฮสต์ ( Host ) คอมพิวเตอร์เข้าถึงกันโดย ตรง หากแต่ใช้คอมพิวเตอร์ เรียกว่าIMP ( Interface Message Processors ) ต่อเชื่อมถึงกันทางสาย โทรศัพท์เพื่อทำหน้าที่ด้านสื่อสารโดยเฉพาะ ซึ่งแต่ละIMP สามารถเชื่อมได้หลายโฮสต์

วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2553

ความหมายเเละประโยชน์ของงานประดิษฐ์

ความหมายงานประดิษฐ์
     ประดิษฐ์ แปลว่า คิดทำขึ้น
     งานประดิษฐ์ จึงหมายถึง การนำเอาวัสดุต่างๆ มาทำเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อประโยชน์ใช้สอยด้านต่างๆ เช่น เป็นของเล่น ของใช้ หรือเพื่อควมสวยงาม
ประโยชน์ของ งานประดิษฐ์     1. เป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
     2. มีความภูมิใจในผลงานของตน
     3. มีรายได้จากผลงาน
     4. มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ
     5. เป็นการฝึกให้รู้จักสังเกตสิ่งรอบๆ ตัว และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์
ลักษณะของงานประดิษฐ์      1. งานประดิษฐ์ทั่วไป เป็นงานที่บุคคลสร้างขึ้นมาจากความคิดของตนเองโดยอาศัยการเรียนรู้จากสิ่งรอบๆ ตัว นำมาดัดแปลง หรือเรียนรู้จากตำรา เช่น การประดิษฐ์ของใช้จากเศษวัสดุ การประดิษฐ์ดอกไม้
     2. งานประดิษฐ์ที่เป็นเอกลักษณ์ไทย เป็นงานที่ได้รับการสืบทอดมาจากบรรพบุรุษในครอบครัวหรือในท้องถิ่น หรือทำขึ้นเพื่อใช้งานหรือเทศกาลเฉพาะอย่าง เช่น มาลัย บายศรี งานแกะสลัก
ประเภทของงานประดิษฐ์     งานประดิษฐ์ต่างๆ สามารถเลือกทำได้ตามความต้องการและประโยชน์ใช้สอย ซึ่งอาจแบ่งประเภทของงานประดิษฐ์ตามโอกาสใช้สอยดังนี้
     1. ประเภทใช้เป็นของเล่น เป็นของเล่นที่ผู้ใหญ่ในครอบครัวทำให้ลูกหลานเล่นเพื่อความเพลิดเพลิน เช่น งานปั้นดินเป็นสัตว์ สิ่งของ งานจักสานใบลานเป็นโมบาย งานพับกระดาษ
     2. ประเภทของใช้ ทำขึ้นเพื่อเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การสานกระบุง ตะกร้า การทำเครื่องใช้จากดินเผา จากผ้าและเศษวัสดุ
     3. ประเภทงานตกแต่ง ใช้ตกแต่งสถานที่ บ้านเรือนให้สวยงาม เช่น งานแกะสลักไม้ การทำกรอบรูป ดอกไม้ประดิษฐ์
     4. ประเภทเครื่องใช้ในงานพิธี ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อใช้ในงานเทศกาลหรือประเพณีต่างๆ เช่น การทำกระทงลอย ทำพานพุ่ม มาลัย บายศรี
วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในงานประดิษฐ์     การเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ในการประดิษฐ์ชิ้นงานต้องเลือกให้เหมาะสมจึงจะได้งานออกมามีคุณภาพ สวยงาม รวมทั้งต้องดูแลรักษาอุปกรณ์เครื่องใช้เหล่านี้ให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ตลอดเวลา และสามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ได้ดังนี้     1. ประเภทของเล่น
         - วัสดุที่ใช้ เช่น กระดาษ ใบลาน ผ้า เชือก พลาสติก กระป๋อง
         - อุปกรณ์ที่ใช้ เช่น กรรไกร เข็ม ด้าย กาว มีด ตะปู ค้อน แปรงทาสี
     2. ประเภทของใช้
         - วัสดุที่ใช้ เช่น กระดาษ ไม้ โลหะ ดิน ผ้า
         - อุปกรณ์ที่ใช้ เช่น เลื่อย สี จักรเย็บผ้า กรรไกร เครื่องขัด เจาะ
     3. ประเภทของตกแต่ง
         - วัสดุที่ใช้ เช่น เปลือกหอย ผ้า กระจก กระดาษ ดินเผา
         - อุปกรณ์ เช่น เลื่อย ค้อน มีด กรรไกร สี แปรงทาสี เครื่องตอก
     4. ประเภทเครื่องใช้ในงานพิธี
         - วัสดุที่ใช้ เช่น ใบตอง ดอกไม้สด ใบเตย ผ้า ริบบิ้น
         - อุปกรณ์ที่ใช้ เช่น เข็มเย็บผ้า เข็มร้อยมาลัย คีม ค้น เข็มหมุด
การเลือกใช้และบำรุงรักษาอุปกรณ์ มีหลักการดังนี้     1. ควรเลือกใช้ให้ถูกประเภทของวัสดุและอุปกรณ์
     2. ควรศึกษาวิธีการใช้ก่อนลงมือใช้
     3. เมื่อใช้แล้วเก็บไว้ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
     4. ซ่อมแซมเครื่องมือที่ชำรุดให้พร้อมใช้เสมอ

ประวัติวงpotato

~สาวกpotato~
****ประวัติทุกคน****
สมาชิก



ปั๊บ - พัฒน์ชัย ภักดีสู่สุข
วัน/เดือน/ปีเกิด :. 2 พฤศจิกายน 2524
การศึกษาปัจจุบัน :. ปี4 สาขาโฆษณา คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
ประสบการณ์ด้านดนตรี :. เกิดและเติบโตที่เชียงใหม่ ตอนเด็กๆ จะซนมาก ชอบการผจญภัย เพราะใกล้ชิดกับธรรมชาติ จะมีเพื่อนมากชอบชวนกันไปเที่ยวเล่น เช่น ขี่จักรยานข้ามจังหวัด เที่ยวป่า และเล่นซ่อนหาตอนกลางคืน ผมชอบร้องเพลง เล่นๆ พวกเพลงยอดมนุษย์ 5 มนุษย์ไฟฟ้า ฯลฯ จนอยู่ชั้นประถมชักชอบจริงๆ จังๆ พออยู่ ม.ปลาย เริ่มรู้สึกว่าเวลาร้องเพลงควรมีเสียงดนตรี เลยลองหัดเล่นกีตาร์จนพอได้ จากนั้นมาเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพ เป็นจุดเริ่มต้นที่ได้ร้องเพลง ผมเข้า มาเรียนพื้นฐานร้องเพลงที่แกรมมี่ แล้วก็ฝึกฝนต่อด้วยตัวเอง จน ปี 2543 ได้ออกเทป 1 ชุดกับวง Potato และในปี 2546 ร้องเพลงประกอบละครเรื่องกามเทพตัวน้อย
วงดนตรีที่ชอบ : HOOBASTANK , INCUBUS
HOBBY : สะสมหุ่นโมเดล กันดัม
เป้าหมายในชีวิต : อยากเปิดร้านขายของเล่น อยากเล่นดนตรีจนแก่ และแต่งเพลงเอง

บ๋อม - สุวาทิน วัฒนวิทูกูร
วัน/เดือน/ปีเกิด :. 5 กันยายน 2520
การศึกษาปัจจุบัน :. กำลังศึกษาปริญญาโท เอกการสื่อสารระหว่างบุคคล คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
กีฬา :. บาสเกตบอล , อเมริกัน ฟุตบอล
ประสบการณ์ด้านดนตรี :. ตอนเด็กๆ ผมเรียนที่โรงเรียน "เลิศสิน" ผมเป็นคนนิ่งๆ เอ๋อๆ ขี้เกียจทำการบ้าน ชอบหาอะไรที่ทำแล้วสนุก เลยคิดว่าอยากเล่นดนตรี เลยมาเข้าวงดุริยางค์ตอน ป.4 เป่า Melodian ป.5-ปวส.2 เล่น Trumpet ช่วงม.2-ม.3 ชอบนูโว เห็นพี่ก้องเล่นกีตาร์แล้วอยากเล่นกีตาร์ ตอน ม.3 ผมย้ายตามพ่อที่ไปทำงานที่เมืองจีน ได้อ่านนิตยสารภาษาอังกฤษเกี่ยวกับดนตรีทำให้เราตาสว่างมากขึ้น ได้เห็นว่าโลกของดนตรีมีอะไรอีกหลายอย่างที่น่าสนใจ โลกของดนตรีมีมากกว่านี้ ผมเลยเริ่มสนใจอะไรที่มากกว่าดุริยางค์ พอกลับมาเมืองไทยก็มาเรียนที่เลิศสินต่อ อายุ 15 ปี หัดตีกลอง พ่อซื้อกลองให้ชุดแรก ปัจจุบันก็ยังใช้อยู่
แนวเพลงที่ชอบฟัง :. เริ่มจากช่วงอายุ 15 ปี จะฟังเพลงแนว Heavy Metal พวกเมทัลลิกา ต่อมาก็เป็นแนวอัลเทอร์เนทีฟ พวก Nirvana , Manic Street Preacher แล้วก็เลยเถิดมาสนใจ J-Rock เพราะเมโลดี้มันเพราะ อายุ 17 ปี ประกวดดนตรีที่โรงเรียน ชนะรางวัลที่ 1 อายุ 18 ปี ตั้งวงดนตรีกับเพื่อนๆ ชื่อ "Ama-Slamz" (อาม่า สแลมส์) เล่นเพลงแบบว่า Thrash Metal หนักๆ (อยากเท่) ส่ง Demo ไปค่ายเพลงต่างๆ 20 กว่าม้วน ปรากฏว่าไม่มีใครสนใจปี 2531 ประกวดวงโยธวาทิต ชิงแชมป์ กทม. (ตกรอบแรก) อายุประมาณ 20 ปี (ปี3-ปี4) ทำวงเล่นเพลง J-Rock ชื่อวง Marmalade แต่งตัวตุ๊ดๆ หลังจากนั้นย้ายไปอยู่วงชื่อ EZRA (เอสร่า) เล่น J-Rock อยู่ แต่ไม่แต่งตัวตุ๊ดแล้ว ช่วงเล่น J-Rock เนื่องจากหาเวทีเล่นไม่ได้ เลยจัดคอนเสิร์ตเอง เล่นเอง (เจ๊งเอง) หลังจากนั้นได้ออกเทปกับ Potato ก็ติดใจตอนนี้เลยเล่นกับเพื่อนๆ Potato ตลอดมา
เป้าหมายในชีวิต :. อยากเล่นดนตรีไปเรื่อยๆ และอยากเปิดโรงเรียนดนตรี ห้องซ้อม เพราะอยากผลิตเด็กที่สนใจด้านดนตรี เพราะเรามีประสบการณ์มาก่อน เรารู้ว่าพวกเขาขาดสิ่งเหล่านี้ และต้องการสนับสนุน


โอม - ปิยวัฒน์ อนุกูล
วัน/เดือน/ปีเกิด :. 14 สิงหาคม 2523
การศึกษาปัจจุบัน :. ปี 2 คณะนิเทศศาสตร์ สถาบันราชภัฏสวนดุสิต
กีฬา :. ว่ายน้ำ ฟุตบอล จักรยาน
ประสบการณ์ด้านดนตรี :. เริ่มเล่นกีตาร์ตั้งแต่ ม.2 โดยเริ่มเล่นกีตาร์โปร่งก่อน และมาเรียนกลองตอน ปวช.ปี 1 จนได้เข้าห้องซ้อมดนตรีกับเพื่อนๆ แต่เนื่องจากมีคนเล่นกีตาร์และกลองอยู่เยอะ แต่ไม่มีคนเล่นเบส ผมเลยมาเล่น เพื่อนๆ บอกว่าเล่นดี ผมก็เลยเล่นมาตลอดจนถึงปัจจุบัน ก็คิดว่าชอบมันมากที่สุดแล้ว ตอน ปวช.ปี 3 ประกวดวงดนตรีที่โรงเรียนได้ที่ 3 ผมชอบเล่นดนตรีเพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วที่เคยทำมา และรู้สึกว่าชอบที่ได้ทำอะไรเป็นหมู่คณะ เป็นการฝึกความสามัคคีในหมู่เพื่อนๆ จนถึงปัจจุบันนี้ ผมคิดว่าชอบมันมากที่สุดแล้วครับ
วงดนตรีที่ชอบ :. Slipknot , Eagle
HOBBY :. ชอบพวกรถเก่า มอเตอร์ไซค์เก่า
เป้าหมายในชีวิต :. อยากขายรถเก่า อยากมีห้องซ้อมของตัวเอง

แนวเพลง :. Acoustic Rock
สังกัด :. มิวสิค ครีม



ผลงาน
- ปี 2544 อัลบั้ม Potato (สังกัดแกรมมี่ จี)
- ปี 2546 อัลบั้ม Go On (สังกัดมิวสิค ครีม)



ศิลปินรุ่นใหม่ไฟแรงที่น่าจับตา การเดินทางของโปเตโต้เริ่มต้นขึ้นที่ โน้ต-ปีย์-บ๋อม มีโอกาสร่วมงานกันครั้งแรกในการถ่ายโฆษณาโค้ก ฝีมือทางดนตรีของพวกเขาเข้าตาทีมงาน จึงได้เข้ามาสกรีนเทสต์ที่แกรมมี่ฯ แต่ก็ยังขาดมือเบส จึงต้องทำการคัดเลือกนักดนตรีใน ตำแหน่งนี้กันอีกรอบ นุชคือมือเบสผู้หญิง ที่เข้ามาคัดเลือกในครั้งนั้น ฝีมือของเธอถูกใจ ทั้งทีมงานและสมาชิกในวง เธอจึงกลายเป็นสมาชิกคนที่ 4 ในที่สุด และสมาชิกคนสุดท้ายของวงก็คือปั๊บ เขาเข้ามาเพื่อเพิ่มความ หลากหลายในการร้องของโปเตโต้ ให้มีทั้งสนุกสนานและซึ้งกินใจ
อัลบั้มแรกของพวกเขา POTATO เน้นที่ลักษณะโดดเด่นคือ ความมันส์และตรงไปตรงมา เพลงโปรโมท "เร็วมาก" และ "ทำนองที่หายไป" ทำให้ชื่อของโปเตโต้เป็นที่รู้จักของวัยรุ่นไทย อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ "เธอไปกับใคร" ก็กลายเป็นอีกเพลง ที่ฮิตติดหูในทันทีที่ถูกเปิดทางวิทยุหลังจากเสร็จสิ้นการทำงานเพลงชุดแรก นุช มือเบสซึ่งมีความจำเป็นในเรื่องการเรียน จึงขอลาออกจากวง และระหว่างการเตรียมงานเพลงชุดใหม่อยู่นั้น วันที่ 4 ตุลาคม 2545 ได้เกิดเหตุการณ์ช็อควงการเพลง เมื่อปีย์-นักร้องนำและมือกีตาร์ ได้เสียชีวิตอย่างกะทันหัน แต่ก่อนที่ปีย์จะจากไปอย่างไม่หวนกลับนั้น เขาและเพื่อนๆ ได้เริ่มก่อรูปงานอัลบั้มใหม่ไปแล้วถึง 3 เพลง คือเพลง "น้ำหอม" ที่ปีย์ได้อัดและร้องไว้จนเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเพลง "ไม่ให้เธอไป" ซึ่งปีย์ได้แต่งทำนองไว้ ส่วนเพลง "กล้าพอไหม" กำลังเสนอให้ทีมเพลง เรียบเรียงดนตรีใหม่ในขณะที่ ปั๊ป-บ๋อม-โน้ต ยังรักที่จะอยากเล่นดนตรีต่อไป ทั้งสามจึงตัดสินใจเดินหน้าทำงานเพลง เพื่อสานต่อความฝันของพวกเขาและปีย์ โดยการหาสมาชิกเพิ่มเติม โน้ตได้ชักชวน "โอม" มือเบสฝีมือดี ที่เคยเรียนอยู่ที่เดียวกัน และเล่นดนตรีมาด้วยกัน ส่วนบ๋อมได้ติดต่อ"วิน" มือกีตาร์อายุน้อยแต่มากฝีมือ ที่เคยเรียนดนตรี และร่วมแสดงดนตรีงานโรงเรียนมาด้วยกัน เข้ามาเป็นสมาชิกเสริมคนสุดท้ายของวง
จาก 3 เพลงแรกที่ทำค้างไว้ พวกเขานำมาสานต่อทิศทางของดนตรีให้ชัดเจนขึ้น ด้วยความต้องการซาวนด์ดนตรีสด หนักแน่น แต่ผสมผสานความนุ่มนวลของเมโลดี้ และด้วยเสน่ห์เสียงใสๆ นุ่มๆ ของกีตาร์อะคูสติก งานเพลงชุดที่ 2 "Go On" จึงกลายมาเป็น Acoustic Rock ที่ฟังสบายๆ อบอุ่น
*ป.ล.ผลงานชิ้นล่าสุดฮิตติดชาร์จเกือบทุกเพลง มาในอัลบั้ม *lite*